จุติ เป็นนวนิยายเรื่องล่าสุดของ อุทิศ เหมะมูล (นักเขียนรางวัลซีไรต์ปี 2552) โดยเป็นส่วนสุดท้ายของผลงาน ‘ไตรภาคเมืองแก่งคอย’ ซึ่งประกอบด้วย 1. ลับแล, แก่งคอย 2. ลักษณ์อาลัย และ 3. จุติ ทั้งสามเรื่องไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางด้านเนื้อหาและความสัมพันธ์ของตัวละคร ทว่าผูกเกี่ยวกันด้วยตัวพื้นที่อำเภอแก่งคอยอันเป็นสถานที่กำเนิดเรื่องราว ดังนั้นจึงอ่านแยกกันได้โดยไม่จำเป็นต้องอ่านเรื่องใดก่อนหรือหลังนวนิยายเรื่องจุติ มีทั้งหมด 57 ตอน แบ่งเป็น 5 ภาค ประกอบด้วย บรรพ 1 แม่เฒ่าอภินิหาร, ภาค 2 การผจญภัยในโลกสมคบคิดของ ดร. สยาม, ตอน 3 ชะตาลิขิตดาว, เล่ม 4 โจทย์และทางออกของนักเขียนเงา, โฟลเดอร์ 5 การเกิดมีและดำรงอยู่ของมายา โดยทั้งห้าภาคนี้มีเสียงเล่าและกลวิธีการเล่าแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่เชื่อมโยงทั้งเรื่องไว้คือลำดับเวลา และการส่งทอดเรื่องเล่าจากเสียงหนึ่งไปสู่อีกเสียงหนึ่ง โดยนับเป็นสาแหรกของครอบครัวหนึ่งแต่หลายรุ่นจุติ ทั้งเล่าและเล่นเกี่ยวกับตำนาน อภินิหาร พงศาวดาร ประวัติศาสตร์ ศาสนา ความเชื่อ ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครอง การเปลี่ยนผ่านทางความคิด และความทรงจำที่ถูกปรับแต่งและรื้อสร้าง โดยใช้พื้นที่เล็กๆ อย่างจังหวัดสระบุรีและผู้คนในท้องที่นั้นเป็นภาพบุคลาธิษฐานของพื้นที่ที่ใหญ่กว่าหากลับแล, แก่งคอย คือการบันทึกและสร้างประวัติศาสตร์ของผู้คนธรรมดาสามัญขึ้นให้มีที่ทางในโลกของการจดบันทึก ลักษณ์อาลัยคือการไขเข้าไปในกระบวนการประกอบสร้างความทรงจำ ที่มีปฏิสัมพันธ์กับตัวบทของเอกสารทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นแล้ว จุติ ก็คือ การย้อนกลับไปสร้างตำนานขึ้นมาใหม่เสียเอง เพื่อให้มันมีผลเชิงใคร่ครวญพิจารณาต่อมิติต่างๆ ของสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น ทั้งเรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ ข้อเท็จจริง และความเชื่อ ความจำของมนุษย์กล่าวได้ว่า นวนิยายเรื่องจุติ เป็นเรื่องเล่าผจญภัย ทั้งเล่นล้อ ท้าทาย และตั้งคำถามกับพื้นที่ทางประวัติศาสตร์และความทรงจำของมนุษย์ที่ส่งทอดกันรุ่นต่อรุ่น เสนอการผลิกพันและกลายกลับของตำนาน พงศาวดาร ความเชื่อ และความทรงจำ ที่ถูกสร้างและเขียนทับทบกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งห้าเสียงเล่าในห้าภาคทำหน้าที่เป็น ‘รอยต่อ’ และ ‘ระหว่าง’ การดับและเกิดใหม่ เป็นการ ‘จุติ’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเรื่องเล่าที่แตกต่างไปตามเงื่อนไขแห่งยุคสมัย (รวมถึงหลากลีลาสกุลงานทางวรรณกรรม) ของตัวมันเองด้วยนี้คือนวนิยายเหาะเหินเดินอากาศ การผจญภัยในมิติสุดแสนพิสดาร มากด้วยความสำราญและใคร่ครวญ สำนักพิมพ์ขอเชิญชวนผู้อ่าน เดินอากาศ ด่ำจินตนาการ และดิ่งลงในโลกเฉพาะแปลกประหลาดแต่แสนคุ้นเคยไปด้วยกัน
จุติ เป็นนวนิยายเรื่องล่าสุดของ อุทิศ เหมะมูล (นักเขียนรางวัลซีไรต์ปี 2552) โดยเป็นส่วนสุดท้ายของผลงาน ‘ไตรภาคเมืองแก่งคอย’ ซึ่งประกอบด้วย 1. ลับแล, แก่งคอย 2. ลักษณ์อาลัย และ 3. จุติ ทั้งสามเรื่องไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางด้านเนื้อหาและความสัมพันธ์ของตัวละคร ทว่าผูกเกี่ยวกันด้วยตัวพื้นที่อำเภอแก่งคอยอันเป็นสถานที่กำเนิดเรื่องราว ดังนั้นจึงอ่านแยกกันได้โดยไม่จำเป็นต้องอ่านเรื่องใดก่อนหรือหลังนวนิยายเรื่องจุติ มีทั้งหมด 57 ตอน แบ่งเป็น 5 ภาค ประกอบด้วย บรรพ 1 แม่เฒ่าอภินิหาร, ภาค 2 การผจญภัยในโลกสมคบคิดของ ดร. สยาม, ตอน 3 ชะตาลิขิตดาว, เล่ม 4 โจทย์และทางออกของนักเขียนเงา, โฟลเดอร์ 5 การเกิดมีและดำรงอยู่ของมายา โดยทั้งห้าภาคนี้มีเสียงเล่าและกลวิธีการเล่าแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่เชื่อมโยงทั้งเรื่องไว้คือลำดับเวลา และการส่งทอดเรื่องเล่าจากเสียงหนึ่งไปสู่อีกเสียงหนึ่ง โดยนับเป็นสาแหรกของครอบครัวหนึ่งแต่หลายรุ่นจุติ ทั้งเล่าและเล่นเกี่ยวกับตำนาน อภินิหาร พงศาวดาร ประวัติศาสตร์ ศาสนา ความเชื่อ ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครอง การเปลี่ยนผ่านทางความคิด และความทรงจำที่ถูกปรับแต่งและรื้อสร้าง โดยใช้พื้นที่เล็กๆ อย่างจังหวัดสระบุรีและผู้คนในท้องที่นั้นเป็นภาพบุคลาธิษฐานของพื้นที่ที่ใหญ่กว่าหากลับแล, แก่งคอย คือการบันทึกและสร้างประวัติศาสตร์ของผู้คนธรรมดาสามัญขึ้นให้มีที่ทางในโลกของการจดบันทึก ลักษณ์อาลัยคือการไขเข้าไปในกระบวนการประกอบสร้างความทรงจำ ที่มีปฏิสัมพันธ์กับตัวบทของเอกสารทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นแล้ว จุติ ก็คือ การย้อนกลับไปสร้างตำนานขึ้นมาใหม่เสียเอง เพื่อให้มันมีผลเชิงใคร่ครวญพิจารณาต่อมิติต่างๆ ของสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น ทั้งเรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ ข้อเท็จจริง และความเชื่อ ความจำของมนุษย์กล่าวได้ว่า นวนิยายเรื่องจุติ เป็นเรื่องเล่าผจญภัย ทั้งเล่นล้อ ท้าทาย และตั้งคำถามกับพื้นที่ทางประวัติศาสตร์และความทรงจำของมนุษย์ที่ส่งทอดกันรุ่นต่อรุ่น เสนอการผลิกพันและกลายกลับของตำนาน พงศาวดาร ความเชื่อ และความทรงจำ ที่ถูกสร้างและเขียนทับทบกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งห้าเสียงเล่าในห้าภาคทำหน้าที่เป็น ‘รอยต่อ’ และ ‘ระหว่าง’ การดับและเกิดใหม่ เป็นการ ‘จุติ’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเรื่องเล่าที่แตกต่างไปตามเงื่อนไขแห่งยุคสมัย (รวมถึงหลากลีลาสกุลงานทางวรรณกรรม) ของตัวมันเองด้วยนี้คือนวนิยายเหาะเหินเดินอากาศ การผจญภัยในมิติสุดแสนพิสดาร มากด้วยความสำราญและใคร่ครวญ สำนักพิมพ์ขอเชิญชวนผู้อ่าน เดินอากาศ ด่ำจินตนาการ และดิ่งลงในโลกเฉพาะแปลกประหลาดแต่แสนคุ้นเคยไปด้วยกัน